top of page

รามเกียรติ์ คลังภูมิปัญญาสยาม ตอนที่ ๖ นารายณ์อวตาร


หลังจากพระนารายณ์อวตารเป็นพญาสุกรมาปราบหิรันต์ยักษ์ม้วนแผ่นดินสำเร็จ ก็เสด็จกลับเกษียรสมุทร ไปร่ายเวทบังเกิดเป็นบัวบานมีพระกุมารอยู่ข้างใน แล้วอุ้มเหาะพาไปเฝ้าพระเป็นเจ้าสามภพนาถา

ครั้นพระอิศวรฟังความจบก็ยินดี ดำรัสว่าองค์กุมารเป็นวงศ์พระสี่กรผู้ศักดา จะได้เป็นต้นกษัตริย์รอดับเข็ญเย็นโลกาในไตรดายุค จึงตรัสสั่งท้าวมัฆวานลงไปสร้างธานี ณ ชมพูทวีป พระอินทร์น้อมเศียรรับสั่งมามหาเวไชยันต์ที่ประทับ แล้วให้มาตุลีเกณฑ์เหล่าเทพพากันไปสร้างกรุง

เมื่อไปถึงชมพูทวีปก็พิศทั่วทุกทิศ เห็นเบื้องบูรพาที่ทางดูชอบกล (แปลว่าต้องด้วยชัยภูมิ) กับมีมหานักสิทธิ์ ๔ องค์อยู่บำเพ็ญพรต จึงลงจากช้างทรงเอราวัณไปยอกรนมัสการ จากนั้นปรึกษาหารือได้ความว่าที่นี้ดีแน่ จึงตรัสสั่งพระวิษณุกรรม์ให้เนรมิตราชเวียงชัย ท้าวสหัสนัยน์ตั้งชื่อกรุงนี้ว่าอยุธยาทวาราวดีตามคำแนะนำของพระดาบส แล้วพาทวยเทพไปเฝ้าพระสยมภูวนาถ ณ ผาเผือก (เขาไกรลาสตามชื่อเรียกแบบไทย ๆ เพราะเขาลูกนี้มีสีขาวเนื่องจากหิมะปกคลุมตลอดปี) พระอิศวรประทานนามพระกุมารว่าอโนมาตัน แล้วให้ไปครองกรุงอยุธยา

ที่เล่ามานี้คือเนื้อความตอนต้นเรื่องซึ่งเล่าข้ามมา ๕ ตอน ตอนนี้ถึงเวลาเหมาะจะย้อนมาเก็บใจความ เพราะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญในตอนต่อ ๆ ไป ตรงนี้เป็นอีกเคล็ดสำคัญของการอ่านรามเกียรติ์ คือต้องคิดหาทางลำดับเรื่องราวให้ต่อเนื่องกัน

ท้าวอโนมาตันมีมเหสีชื่อนางมณีเกสรผู้ประสูติโอรสชื่ออัชบาล สมัยของพระองค์ปราศจากการศึก เนื่องจากทรงเลื่องชื่อลือนามขามฤทธิ์ ศัตรูหมู่ปัจจามิตรล้วนขนพองสยองเกล้า กษัตริย์กรุงอื่น ๆ ขอเป็นเมืองขึ้น แต่งดอกไม้ทองมาถวายประณตบทมาลย์

ครั้นท้าวอโนมาตันสวรรคต โอรสก็ครองกรุงอยุธยาสืบมา ท้าวอัชบาลมีมเหสีชื่อนางเทพอัปสร มีโอรสชื่อทศรถ เหตุการณ์สำคัญในสมัยของพระองค์คือการรับประทานพระขรรค์จากพระอิศวร (มาลีวัคคพรหมเป็นผู้นำส่งจึงกลายเป็นเพื่อนกัน) ไปปราบอสุรพักตร์ยักษี เป็นเหตุให้ท้าวไกยเกษเกรงฤทธิ์คิดผูกมิตรกับทางอยุธยา แต่งทูตส่งพระธิดาคือนางไกยเกษีมาถวายพระโอรสท้าวอัชบาล หลังจากทรงรับพระสุณิสาคนที่ ๓ นี้ ท้าวอัชบาลผู้ครองบัลลังก์มานานแสนนานก็ดำริจะสละราชสมบัติแก่ท้าวทศรถ จึงตรัสสั่งโหรหาฤกษ์งามยามดี จัดปราสาทเตรียมพิธี แล้วให้ไปนิมนต์ฤๅษีวสิษฐ์กับสวามิตรมารดสรงมรุธาภิเษก

หลังครองกรุงบำรุงไพร่ฟ้าอยู่เย็นเป็นสุข มาวันหนึ่งท้าวทศรถพามเหสีทั้งสามเสด็จประพาสป่า วันเดียวกันนั้น ปทูตทันตยักษีบุกสวรรค์ดาวดึงส์ ไล่ราวีหมู่เทพแตกกระเจิง บ้างก็หนีไปทูลพระอินทร์ ท้าวสหัสนัยน์ตริตรองว่าควรไปเชิญท้าวทศรถมาปราบ จะได้ปรากฏพระเกียรติวงศ์พระสี่กร จึงให้มาตุลีเอารถแก้วไปรับ

ครั้นทราบเรื่อง พระภุชพงศ์วงศ์นารายณ์ให้สามมเหสีกลับวังก่อน ทว่านางไกยเกษีกราบบาทา ทูลขอโดยเสด็จว่าอยากชมเมืองสวรรค์ ท้าวทศรถก็โปรดให้ขึ้นรถไปด้วย พอไปถึง ปทูตทันตยักษีทำศึกน้ำลายข่มขวัญทันที

พระพงศ์หริรักษ์จึงว่า “อย่าอวดอ้างอหังการ์ ไม่ช้าจะเห็นฤทธิ์กัน”

ปทูตทันตยักษีตอบโต้ยั่วโทสะว่า “เมียมึงผิวพรรณผุดผ่องจะเป็นเมียกูบัดเดี๋ยวนี้” แล้วโจนทะยานขึ้นรอนราญบนรถภูธร ทรงฤทธิ์ก็ฟาดอสุรากระเด็นไป แล้วให้ขับรถไล่ตามตี

ปทูตทันตขว้างคทามาเป็นเพลิงร้อนแรง ท้าวทศรถขว้างพระขรรค์ไปเป็นฝนห่าใหญ่ พอดับไฟเสร็จก็ไล่ล้างคทาแหลกลงเป็นผงคลี แล้วเวียนกลับมาในหัตถ์ทรงธรรม์

ขุนยักษ์แผลงศรมาต้องเพลารถขาด นางไกยเกษีเห็นดังนั้น ตั้งสัตย์อธิษฐานว่าด้วยความที่ข้าซื่อตรงต่อภัสดา จะใช้แขนสอดแทนเพลารถ ขออย่าเป็นอันตรายแก่ชีวิต รถจึงแล่นต่อไปได้

ท้าวทศรถขว้างพระขรรค์ไปล้างศรกุมภัณฑ์แหลกละเอียด ก่อนไปถูกปทูตทันตบรรลัยคาที่ ตอนนี้ถึงเห็นมเหสีเอากรสอดดุมรถ จึงถามว่า “รถเราเป็นอะไรหรือ น้องถึงทำเช่นนั้น”

“อสุรีแผลงศรมาโดนเพลารถหักกระเด็น ข้าเกรงจะเสียทียักษา จึงใช้แขนต่างเพลา ให้พระองค์มีโอกาสสังหารขุนมาร ปรากฏพระยศไปทั้งเมืองแมนและแดนดิน”

“มิเสียทีที่เจ้ารักพี่ สู้เสี่ยงยอมสละชีพ แม้นว่าปรารถนาสมบัติใดของพี่ก็จะยกให้”

นางไกยเกษีมิได้ทูลขอสิ่งใดขณะนั้น แต่เมื่อทูลขอในกาลต่อมา กลับทำเอาท้าวทศรถโทมนัสตรอมใจตาย ซึ่งเหตุการณ์ตอนนี้มีส่วนชี้ให้เห็นว่าพระรามในพระราชนิพนธ์...อาจไม่ใช่นารายณ์อวตารจริง

กาลผ่านไป ท้าวทศรถผู้ยังปราศจากโอรสดำริจะประชุมดาบสทำพิธีกาลาขอบุตร จึงสั่งขุนธรรมการไปนิมนต์พระสิทธาทั้งสี่ ได้แก่ พระวสิษฐ์ พระสวามิตร พระวัชอัคคี และพระภารทวาช ครั้นมาถึง พระดาบสบอกว่ายินดีทำพิธีให้ได้บุตรดั่งใจ แต่เห็นทีจะสู้หมู่ยักษ์ไม่ได้ ต้องได้กไลโกฏดาบสฌานกล้ามาช่วยทำพิธี จึงจะได้ราชบุตรมีฤทธิรุทร

กไลโกฏฤๅษีผู้นี้บำเพ็ญพรตอยู่ในป่าแดนโรมพัตจนฝนแล้งถึง ๓ ปี ท้าวโรมพัตบวงสรวงนาน ๗ เดือน ๗ วัน ฝนก็ไม่ตกสักห่า ครั้นนายพรานมาแจ้งให้ทราบสาเหตุ ผ่านฟ้าจึงคิดล้างพิธีให้จงได้ โดยใช้นางอรุณวดีพระธิดาไปทำลายฌาน

เมื่อเข้าใกล้บริเวณอาศรม นางสั่งไพร่พลหยุดรอและอย่าส่งเสียงอื้ออึง ก่อนเดินไปนั่งเอี้ยมเฟี้ยมต่อหน้าดาบส กไลโกฏฤๅษีไม่เคยเห็นสตรีก็สงสัย

ตริแล้วจึ่งกล่าววาที เอ็งนี้เป็นสัตว์จำพวกไหน

จึ่งมีเขาที่อกกูหลากใจ ไม่เคยพบเห็นแต่ก่อนมา ฯ

เมื่อนั้น นางอรุณวดีเสน่หา

ได้ฟังจึ่งตอบพระสิทธา เขาข้านี้น่าอัศจรรย์

ไม่งอกในเศียรเหมือนหมู่สัตว์ มาพลัดขึ้นที่อกเหมือนแกล้งปั้น

เต่งตั้งดั่งดวงบุษบัน อ่อนละม้ายคล้ายกันกับสำลี

พระองค์ผู้ทรงตบะญาณ ขอประทานโปรดเกล้าเกศี

พิเคราะห์ให้ดูว่าร้ายดี ข้าเป็นดั่งนี้ด้วยอันใด

ว่าพลางทางเข้าปรนนิบัติ สัมผัสทำนวดฟั้นให้

ด้วยกลมารยาพิราไน แกล้งยั่วยวนใจพระมุนี ฯ

เมื่อนั้น พระกไลโกฏฤๅษี

ไม่รู้ในกลสตรี ลืมที่คำสั่งพระบิดร

เข้าประคองต้องเต้าสุมณฑา กายาแนบเนื้อดวงสมร

ให้เกิดประดิพัทธ์อาวรณ์ ถึงไม่มีผู้สอนก็เป็นไป

ครั้นตบะแตก ฝนก็ตก ดอกไม้ก็บาน นางอรุณวดีเล่าความจริง ก่อนเชิญดาบสไปอยู่ด้วยในกรุงโรมพัต พระสิทธาก็ตามไป แล้วอยู่กินกับนางสืบมาจนไม่เป็นอันบำเพ็ญพรต ทว่าน่าแปลกที่ยังคงมีฤทธิ์เดชเหาะเหินเดินอากาศได้เหมือนเดิม

ตรงนี้ขอแทรกหน่อยว่าฉากอัศจรรย์ตามขนบวรรณคดีไทยมักมีฝนตก ขนบนี้สืบทอดต่อมาถึงหนังไทยตอนครูหนอนฯ ยังเด็ก ถ้าเห็นฉากที่พระเอกกับนางเอกไปติดฝนอยู่ในกระท่อมกลางป่า ท่านผู้ชมก็แปลความได้ว่า...ไม่เหมือนหนังที่เห่อตามกระแสอเมริกันนิยมที่ไร้รสนิยม มีแต่ฉาก “เลิฟซีน” โจ๋งครึ่มอุจาดตา หากเราเรียนรู้ภูมิปัญญาบรรพบุรุษและดัดแปลงให้เหมาะแก่ยุคสมัย ก็จะไม่พ่ายแพ้สงครามวัฒนธรรม ถูกครอบงำความรู้สึกนึกคิดตลอดจนรสนิยม ให้เขาโกยเงินอันอุดมกลับจักรวรรดิไป

กลับเข้าเรื่องต่อ ฝ่ายท้าวทศรถเสด็จไปกรุงโรมพัตพร้อมกับฤๅษีทั้งสี่ เมื่อไปถึงและแจ้งความประสงค์ให้ทราบแล้ว ก็นิมนต์ไปอยุธยา ทว่ากไลโกฏดาบสเชิญให้เสด็จก่อน ตนกับมุนีทั้งสี่จะตามเสด็จให้ถึงพร้อมกัน ครั้นล่วง ๗ วันก็ชวนพระอาจารย์ทั้งสี่พากันเหาะตรงไปอยุธยา เมื่อท้าวทศรถกลับมาเห็นทั้งห้ารอท่าในท้องพระโรงก็ตรัสชม แล้วปรึกษาเรื่องการพิธี

กไลโกฏฤๅษีว่าไม่ต้องเป็นห่วง จะขอไปทูลพระอิศวรให้เชิญองค์นารายณ์อวตาร เมื่อมุนีทั้งห้าไปเฝ้าและทูลสิ้นกระแสความแล้ว พระสยมภูวนาถตรัสสั่งท้าวมัฆวานไปเชิญพระนารายณ์มา ขณะไปถึงเกษียรสมุทร พระวิษณุเพิ่งไสยาสน์บนบังลังก์นาค พระลักษมีจะปลุกก็เกรงต้องโทษ ท้าวโกสีย์จึงให้เหล่าเทวาประโคมดนตรีจนพระสี่กรสะดุ้งตื่น ครั้นทราบความก็ดำริว่าการอวตารครั้งนี้ หากไปเกิดเพียงลำพังคงไม่อาจล้างพงศ์พันธุ์ยักษา เมื่อพากันไปเฝ้าพระอิศวร พระทรงครุฑจึงทูลขอพระลักษมี คทา จักร สังข์ และบัลลังก์นาค รวมทั้งเทวาไปเป็นบริวารช่วยกันสังหารกุมภัณฑ์ พระศุลีโปรดตามที่ขอ

เมื่อพระจักรารับอวตาร ฝูงเทพน้อยใหญ่ต่างทูลอาสาขอไปเป็นไพร่พล พระอิศวรประสาทมนตร์สญชีพให้กไลโกฏฤๅษี เหล่าดาบสเหาะกลับอยุธยามาทำพิธีกาลากิจ ครบ ๓ คืนมีอสูรทูนถาดทองปรากฏกลางกองเพลิง ในถาดมีข้าวทิพย์ ๔ ปั้นหอมฟุ้งไปถึงลงกา

ฝ่ายนางมณโฑได้กลิ่นหอมโชยมา ระงับความอยากไม่อยู่ ทูลออดอ้อนขอท่านทศพักตร์ไปหามาให้กิน ท่านสิบปากไม่รอช้าสั่งนางกากนาสูรไปเอามาให้จงได้ แล้วจะปูนบำเหน็จให้ถึงใจ นางกากนาสูรจึงเหาะตามกลิ่นไป ครั้นเห็นกุมภัณฑ์เทินถาดทอง ก็โผลงคาบข้าวทิพย์ได้กึ่งปั้น บินกลับลงกามาถวายทศกัณฐ์ ท่านสิบหน้าผู้รักน้องกบออกนอกหน้ารีบส่งให้เสวยทันใด

ส่วนข้าวทิพย์ที่เหลือนั้น กไลโกฏดาบสให้นางเกาสุริยากินหนึ่งปั้น นางไกยเกษีหนึ่งปั้น และอีกปั้นครึ่งให้นางสมุทรเทวี หลังจากนั้นก็ทรงครรภ์ทุกนาง ไม่เว้นแม้แต่นางมณโฑ

ครบถ้วนกำหนดทศมาส พระอินทร์ร้อนอาสน์ เลยเล็งพันทิพเนตรมาเห็นว่าเหล่ามเหสีท้าวทศรถเจ็บท้อง จึงชวนมเหสีทั้งสี่ไปช่วยทำคลอด โดยนางสุชาดาเข้าแปรครรภ์ (ศัพท์คำนี้แปลกตาดี แต่ก็เข้าใจความหมายไม่ยาก จึงลอกมาตามต้นฉบับ) นางเกาสุริยา นางสุจิตราช่วยนางไกยเกษี นางสุธรรมากับนางสุนันทาช่วยนางสมุทร

ครั้นศศิธรทรงกลดหมดเมฆ นางเกาสุริยาประสูติโอรสรัศมีสีเขียวพรายพรรณ พอรุ่งสาง นางไกยเกษีประสูติโอรสรัศมีดั่งทับทิมพราย ครั้นสามนาฬิกาห้าบาท (เทียบกับเวลาปัจจุบันคือ ๐๙.๓๐ น.) นางสมุทรประสูติโอรสกายสีเหลืองดั่งทองทา พอล่วงสี่โมงเศษก็ประสูติอีกองค์กายสีม่วงอ่อน

พอครบ ๓ วันท้าวทศรถสั่งเสนีสุมันตันไปนิมนต์ดาบสทั้งสี่กับหมู่นักพรตมาทำพิธีสมโภชพระกุมาร มาถึงก็ทำพิธีโดยการเวียนเทียนจากซ้ายไปขวา พอครบ ๗ รอบก็ดับเทียนชัย แล้วเอาจุณเจิมพระนลาฏสี่กุมาร จากนั้นให้นามตามศาสตร์พระศุลี

พระเชษฐาคือนารายณ์เทเวศร์ ชื่อพระราเมศทรงศร

ที่สองคือจักรฤทธิรอน นามกรพระพรตกุมารา

ที่สามคือบังลังก์กับสังข์ทรง ชื่อพระลักษมณ์สุริย์วงศ์กนิษฐา

คทาวุธที่สุดอันดับมา ชื่อว่าพระสัตรุดกุมาร

กาลผ่านไปกระทั่งพระโอรสชันษาได้ ๑๒ ปี ท้าวทศรถประทานกระสุนให้ทุกองค์หัดยิงเล่นต่างศร กระสุนนี้ปัจจุบันเรามักนึกกันว่าตัดมาจากกระสุนปืน ซึ่งไม่เข้ากับบริบทเลย เวลาเจอคำเช่นนี้ควรเปิดพจนานุกรมตรวจสอบความหมายเสมอ ไม่อย่างนั้นอาจเข้าใจผิดเป็นตุเป็นตะ (อาการนี้ครูหนอนฯ ก็เคยเป็นจึงรู้ดีฮิ) กระสุน น. เครื่องยิงมีคัน ใช้สายโก่งยิงด้วยลูกดินปั้นกลมซึ่งเรียกว่า ลูกกระสุน; ลูกปืน.

ทั้งสี่มาทรงกระสุนเล่นกันที่หน้าพระลาน ขณะนั้นข้าเก่านางไกยเกษีนามกุจจีหลังค่อมได้เวลามาเก็บดอกไม้ไปถวายนาย ครั้นเดินมาเห็นสี่กุมาร กลับหยุดอยู่ดูเล่นสำราญใจ พระรามเหลือบไปเห็นนางค่อมลอยหน้าเท้าแขนยิ้มละไม จึงตรัสแก่อนุชาทั้งสามว่า

พี่จะยิงอี่ค่อมหลังกุ้ง ให้โก่งนั้นดุ้งไปข้างหน้า

น้องรักจงทอดทัศนา ว่าแล้วก็ยิงทันที

กระสุนโดนหลังค่อมแอ่นไป พระจักรียิงซ้ำ โก่งนั้นก็กลับคืนมา สี่พี่น้องตบมือหัวเราะร่า มหาดเล็กเด็กชาเยาะหยันเฮฮา นางกุจจีได้อายจึงลุกหนี มือฟายน้ำตาพลางรำพึงว่า

ถึงมาตรกูเป็นค่อมเค้า ก็ข้าเก่านางไกยเกษี

พระรามมาทำดั่งนี้ ชีวีมิตายจะเห็นกัน

เหตุการณ์ตอนนี้เป็นสาเหตุให้กาลต่อมานางกุจจีทูลยุยงนางไกยเกษี จนพระรามต้องสละบังลังก์แก่พระพรตออกไปเดินดงถึง ๑๔ ปี ทั้งยังบอกเป็นนัยว่าพระรามในพระราชนิพนธ์นี้อาจไม่ใช่นารายณ์อวตารจริง แต่จะจริงหรือไม่ก็ช่างเถิด ที่สำคัญคือเหตุการณ์ตอนนี้กลายเป็นเครื่องเตือนใจพระรามไม่ให้ทำผิดซ้ำว่า ไม่ควรลงโทษลูกน้องให้ได้อายจนผูกใจเจ็บ และแว้งกัดผู้เป็นนายเมื่อได้ที เจ้านายทั้งหลายพึงสำเหนียกเป็นอุทาหรณ์

ย้อนอ่านตอนเก่า ๆ ได้ที่ มุมสมาชิก

Featured Posts
bottom of page