ข้อ ๑๓ ให้มีคณะกรรมการของสมาคมฯ คณะหนึ่งจำนวนไม่เกิน ๒๐ คน
กรรมการนี้ต้องเป็นสมาชิกสามัญที่ได้มาจากการเลือกตั้งของที่ประชุมใหญ่ของสมาคมฯ จำนวน ๙ คน ให้ดำรงตำแหน่งต่อไปนี้
นายกสมาคม ๑ คน
อุปนายกสมาคม ๓ คน
เลขาธิการ ๑ คน
เหรัญญิก ๑ คน
สาราณียกร ๑ คน
นายทะเบียน ๑ คน
ประชาสัมพันธ์ ๑ คน
ให้คณะกรรมการบริหารที่ได้รับเลือกตั้ง พิจารณาเชิญสมาชิกสามัญให้เป็นกรรมการบริหารสมาคมฯ เพิ่มเติมรวมทั้งหมดไม่เกิน ๒๐ คน โดยให้ดำรงตำแหน่งตามวาระ
๑๓.๑ นายกสมาคมทำหน้าที่เป็นหัวหน้าในการบริหารกิจการของสมาคมฯ ตามมติกรรมการบริหารสมาคมฯ เป็นผู้แทนสมาคมฯ ในการติดต่อกับบุคคลภายนอก และทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมการ และการประชุมใหญ่ของสมาคมฯ
๑๓.๒ อุปนายกสมาคมทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนายกสมาคมฯ ในการบริหารกิจการสมาคม ปฏิบัติตามหน้าที่ที่นายกสมาคมฯ ได้มอบหมาย และทำหน้าที่แทนนายกสมาคมฯ เมื่อนายกสมาคมฯ ไม่อยู่ หรือไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่การทำหน้าที่แทนนายกสมาคมฯ ให้อุปนายกตามลำดับตำแหน่งเป็นผู้กระทำการแทน
๑๓.๓ เลขาธิการทำหน้าที่เกี่ยวกับงานธุรการของสมาคมฯ ทั้งหมด เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของสมาคมฯ ในการปฏิบัติกิจการของสมาคมฯ ปฏิบัติตามคำสั่งของนายกสมาคมฯ ตามมติของที่ประชุมกรรมการบริหารสมาคมฯ ตลอดจนทำหน้าที่เป็นเลขานุการในการประชุมต่าง ๆ ของสมาคมฯ
๑๓.๔ เหรัญญิกมีหน้าที่เกี่ยวกับการเงินทั้งหมดของสมาคมฯ เป็นผู้จัดทำบัญชีรายรับ รายจ่าย บัญชีงบดุลของสมาคมฯ และเก็บเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ของสมาคมฯ ไว้เพื่อการตรวจสอบ
๑๓.๕ สาราณียกรมีหน้าที่เกี่ยวกับการจัดทำหนังสือ ข่าวสาร วารสารต่าง ๆ ของสมาคมฯ
๑๓.๖ นายทะเบียนมีหน้าที่เกี่ยวกับทะเบียนสมาชิกทั้งหมดของสมาคมฯ ประสานงานกับเหรัญญิก ในการเรียกเก็บเงินค่าบำรุงสมาคมฯ จากสมาชิก
๑๓.๗ ประชาสัมพันธ์มีหน้าที่เผยแพร่กิจการและชื่อเสียงเกียรติคุณของสมาคมฯ ให้สมาชิกและบุคคลโดยทั่วไปให้เป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย
๑๓.๘ กรรมการตำแหน่งอื่น ๆ ตามความเหมาะสม ซึ่งคณะกรรมการเห็นสมควรกำหนดให้มีขึ้น โดยมีจำนวนเมื่อรวมกับตำแหน่งกรรมการตามข้างต้นแล้วจะต้องไม่เกินจำนวนที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้ แต่ถ้าคณะกรรมการมิได้กำหนดตำแหน่งก็ถือว่าเป็นกรรมการกลาง
คณะกรรมการชุดแรก ให้ผู้เริ่มการจัดตั้งสมาคมฯ เป็นผู้เลือกตั้ง ประกอบด้วยนายกสมาคมและกรรมการอื่น ๆ ตามจำนวนที่เห็นสมควรตามข้อบังคับของสมาคม
ข้อ ๑๔ คณะกรรมการบริหารของสมาคมฯ มีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละ ๒ ปี และอาจได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่อจากวาระเดิมได้
ให้คณะกรรมการชุดใหม่ปฏิบัติหน้าที่และเริ่มวาระการดำรงตำแหน่งนับจากวันที่ได้รับเลือกตั้ง และให้คณะกรรมการชุดเดิมส่งมอบหน้าที่ให้เสร็จสิ้นภายใน ๑๔ วัน
อนึ่ง บุคคลใดบุคคลหนึ่งจะดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ ติดต่อกันได้เพียง ๒ วาระเท่านั้น
ข้อ ๑๕ ตำแหน่งกรรมการสมาคมฯ ถ้าต้องว่างลงก่อนครบกำหนดตามวาระ ก็ให้คณะกรรมการแต่งตั้งสมาชิกสามัญคนใดคนหนึ่งที่เห็นสมควรเข้าดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่างลงนั้น แต่ผู้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งได้เท่ากับวาระของผู้ที่ตนแทนเท่านั้น
ข้อ ๑๖ กรรมการอาจพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งมิใช่เป็นการออกตามวาระด้วยเหตุผลต่อไปนี้ คือ
๑๖.๑ ตาย
๑๖.๒ ลาออก
๑๖.๓ กรรมการบริหารมีมติเกินกว่า ๒ ใน ๓ ให้ออกจากตำแหน่ง
ข้อ ๑๗ กรรมการที่ประสงค์จะลาออกจากตำแหน่งกรรมการให้ยื่นใบลาออกเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะกรรมการ ให้กรรมการที่ออกจากตำแหน่งส่งมอบหน้าที่แก่คณะกรรมการภายใน ๗ วัน
ข้อ ๑๘ อำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการ คณะกรรมการบริหารมีอำนาจหน้าที่ดังนี้
๑๘.๑ มีอำนาจออกระเบียบปฏิบัติได้โดยจะต้องไม่ขัดต่อข้อบังคับฉบับนี้
๑๘.๒ มีอำนาจแต่งตั้งและถอดถอนเจ้าหน้าที่ของสมาคมฯ
๑๘.๓ มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการที่ปรึกษา หรืออนุกรรมการหรือกรรมการเฉพาะกิจได้ โดยให้อยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกินวาระของคณะกรรมการที่แต่งตั้ง
๑๘.๔ มีอำนาจเรียกประชุมใหญ่สามัญประจำปี และประชุมใหญ่วิสามัญ
๑๘.๕ มีอำนาจบริหารกิจการของสมาคมฯ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ตลอดจนมีอำนาจอื่น ๆ ตามที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้
๑๘.๖ มีหน้าที่รับผิดชอบในกิจการทั้งหมด รวมทั้งการเงิน และทรัพย์สินทั้งหมดของ
สมาคมฯ ตลอดจนหลักฐานต่าง ๆ ของสมาคมฯ ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ และสามารถให้สมาชิกตรวจดูได้เมื่อสมาชิกร้องขอ
๑๘.๗ มีหน้าที่จัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญตามที่สมาชิกสามัญจำนวน ๑ ใน ๕ ของสมาชิกทั้งหมดได้เข้าชื่อร้องขอให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญขึ้น ซึ่งการนี้จะต้องมีการประชุมใหญ่วิสามัญขึ้นภายใน ๓๐ วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือร้องขอ
๑๘.๘ จัดการบันทึกการประชุมต่าง ๆ ของสมาคมฯ เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานและทำหนังสือเวียนให้สมาชิกรับทราบ
๑๘.๙ มีหน้าที่อื่น ๆ ตามที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้
ข้อ ๑๙ คณะกรรมการจะต้องประชุมกันอย่างน้อย ๑ ครั้ง ภายในสองเดือน ทั้งนี้ เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับ การบริหารกิจการของสมาคมฯ
ข้อ ๒๐ การประชุมคณะกรรมการ จะต้องมีคณะกรรมการเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมดจึงจะถือว่าครบองค์ประชุม ถ้าการประชุมครั้งแรกไม่ครบองค์ประชุม ให้เลขาธิการแจ้งการประชุมต่อไปภายใน ๗ วัน และให้ถือว่ากรรมการบริหารที่เข้าประชุมนับตั้งแต่ ๓ คนขึ้นไปเป็นองค์ประชุมของที่ประชุมคณะกรรมการ ถ้าข้อบังคับมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นให้ใช้ คะแนนเสียงมากเป็นเกณฑ์ แต่ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ก็ให้ประธานในการประชุมเป็นผู้ชี้ขาด
ข้อ ๒๑ ในการประชุมคณะกรรมการ ถ้านายกสมาคมฯ และอุปนายกสมาคมฯ ไม่อยู่ในที่ประชุม หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ให้กรรมการที่เข้าประชุมในคราวนั้นเลือกตั้งกันเอง เพื่อให้กรรมการคนใดคนหนึ่ง ทำหน้าที่เป็นเป็นประธานในการประชุมครั้งนั้น