เกี่ยวกับ “มาตรฐานอาชีพนักแปล”
เมื่อพ.ศ. 2557 สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (TPQI) เริ่มจัดทำมาตรฐานอาชีพนักแปลพร้อมกับอีก 5 อาชีพ จาก 6 อาชีพในสาขาวิชาชีพธุรกิจหนังสือและสิ่งพิมพ์คือ นักเขียน นักวาดภาพประกอบ นักออกแบบกราฟิก นักพิสูจน์อักษร และ บรรณาธิการ ทั้งนี้ โดยความร่วมมือระหว่างสมาคมนักแปลและล่ามแห่งประเทศไทย (TIAT) สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (TPQI) การจัดทำมาตรฐานอาชีพนักแปลเสร็จสิ้นเมื่อพ.ศ. 2559
สมรรถนะบุคคลอาชีพนักแปล
มาตรฐานอาชีพนักแปลจัดทำตามกรอบของมาตรฐานสากล ISO/IEC 17024 และกรอบคุณวุฒิวิชาชีพแห่งชาติ ซึ่งแบ่งระดับคุณวุฒิวิชาชีพออกเป็น 7 ระดับ คือ
ระดับ 1 ผู้ปฏิบัติงานที่ใช้ทักษะเบื้องต้น
ระดับ 2 ผู้ปฏิบัติงานที่ใช้ทักษะอาชีพระดับกึ่งฝีมือ
ระดับ 3 ผู้ปฏิบัติงานเฉพาะทาง
ระดับ 4 ผู้เชี่ยวชาญในอาชีพระดับต้น, ผู้บริหารระดับต้น
ระดับ 5 ผู้เชี่ยวชาญในอาชีพ, ผู้บริหารระดับกลาง
ระดับ 6 ผู้เชี่ยวชาญในอาชีพ, ผู้บริหารระดับสูง
ระดับ 7 ผู้เชี่ยวชาญในอาชีพระดับพิเศษ, ผู้บริหารอาวุโสระดับสูง
มีการกำหนดทักษะและความสามารถของแต่ละระดับไว้ชัดเจน ซึ่งบุคคลในแต่ละอาชีพจะพิจารณาตามลักษณะการทำงานในอาชีพของตนเองแล้วจัดทำมาตรฐานในระดับที่ต้องการ
สำหรับอาชีพนักแปล ได้จัดทำมาตรฐานนักแปลตั้งแต่ระดับ 4 ถึงระดับ 6 เนื่องจากต้องการวัดและรับรองสมรรถนะบุคคลที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในอาชีพแล้วเท่านั้น คือระดับ 4 ขึ้นไป แต่ไม่ถึงระดับ 7 เพราะตามกรอบคุณวุฒิวิชาชีพแห่งชาติกำหนดว่า ผู้ที่อยู่ในระดับ 7 จะต้องเป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ สาขาอาชีพนักแปลในปัจจุบันมีบุคคลที่มีคุณสมบัติดังกล่าวจำนวนน้อย
องค์กรที่มีหน้าที่รับรองสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ (Certified Body)
เมื่อจัดทำมาตรฐานอาชีพนักแปลเสร็จแล้ว จำเป็นต้องมีองค์กรจัดสอบเพื่อรับรองสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพนักแปล แต่เนื่องจากสมาคมนักแปลและล่ามแห่งประเทศไทยยังไม่มีคุณสมบัติ (ตามข้อกำหนด ISO/IEC 17024) ที่จะขอจัดตั้งเป็นองค์กรรับรองฯ เพราะไม่มีสถานที่ทำงานเป็นของตนเองและไม่มีบุคลากรทำงานประจำ สมาคมและชมรมอื่น ๆ อีก 5 อาชีพที่จัดทำมาตรฐานอาชีพมาพร้อมกันก็ไม่พร้อมที่จะขอจัดตั้งเป็นองค์กรรับรองฯ เช่นกัน ดังนั้น ทั้ง 6 อาชีพจึงขอให้สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย เป็นผู้ขอจัดตั้งเป็นองค์กรรับรองฯ สำหรับทั้ง 6 อาชีพต่อมา สมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ ผ่านการตรวจประเมินและได้รับการรับรองจากสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพให้เป็น “องค์กรรับรองสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพธุรกิจหนังสือและสิ่งพิมพ์” และจัดสอบประเมินสมรรถนะบุคคลทั้ง 6 อาชีพได้
การสอบประเมินสมรรถนะบุคคลอาชีพนักแปล
องค์กรรับรองสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพธุรกิจหนังสือและสิ่งพิมพ์ได้จัดสอบเพื่อประเมินสมรรถนะบุคคลอาชีพนักแปลระดับ 4 ครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ที่ 16 กันยายน 2559 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ภายหลังการสอบ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาทบทวนข้อสอบและเกณฑ์การสอบประเมินสมรรถนะนักแปล คณะอนุกรรมการดังกล่าวได้จัดตั้งคณะทำงาน 2 ชุด โดยชุดที่ 1 จัดทำข้อสอบเพิ่มเติมเป็นปรนัย (ข้อสอบคัดกรอง) ข้อสอบคัดกรองนี้เดิมไม่มี จึงต้องจัดทำใหม่ทั้งหมด คณะทำงานชุดที่ 2 ปรับปรุงข้อสอบอัตนัย (เครื่องมือประเมินสมรรถนะบุคคล) ที่มีอยู่เดิม
หัวข้อที่ผู้เข้าสอบจะต้องเตรียมตัวสำหรับการสอบปรนัย ได้แก่ ทฤษฎีและหลักการแปล แหล่งข้อมูลสำหรับค้นคว้าในการทำงานแปล จรรยาบรรณ (รวมเรื่องลิขสิทธิ์) ความรู้ด้านไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ การแปลงานประเภทต่าง ๆ การตรวจงานแปลเบื้องต้น และการขัดเกลางานแปล ส่วนข้อสอบอัตนัย จะมีเนื้อเรื่องให้ 2 เรื่อง ความยาวประมาณเรื่องละ 300 คำ ผู้เข้าสอบจะต้องแปลทั้ง 2 เรื่อง เกณฑ์ผ่านของข้อสอบทั้งปรนัยและอัตนัยคือร้อยละ 80 เมื่อสอบข้อสอบปรนัย (ในช่วงเช้า) ผ่านเกณฑ์แล้ว จึงจะมีสิทธิ์สอบข้อสอบอัตนัย (ในช่วงบ่าย)
ใบรับรอง
เมื่อสอบผ่านเกณฑ์ที่กำหนดข้างต้นแล้ว ผู้สอบจะได้รับใบรับรอง 2 ใบคือ
1. ใบคุณวุฒิวิชาชีพ ซึ่งจะใช้ได้ตลอดไป
2. ใบรับรองมาตรฐานอาชีพนักแปล มีอายุ 3 ปี หากต้องการใช้ต่อไปต้องต่ออายุ หรือสอบเลื่อนระดับ
ใบรับรองทั้ง 2 ใบนี้ ผู้ครอบครองใช้ประกอบกับวุฒิการศึกษาในการสมัครงานได้ตามที่แต่ละองค์กรกำหนด
*** ติดตามข่าวสารและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสอบประเมินสมรรถนะบุคคลอาชีพนักแปลได้ที่ เฟซบุ๊ก “องค์กรรับรองสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพธุรกิจหนังสือและสิ่งพิมพ์” หรือที่ สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) โทร 02-954-9560
More from my site
- Posted by Patima Rachatawarn
- On June 9, 2017
- 0 Comments
0 Comments